หน้าแรก > ข่าวเวียดนาม > 9 ไสยศาสตร์เวียดนามที่ยังคงมีอยู่
9 ไสยศาสตร์เวียดนามที่ยังคงมีอยู่
เนื่องจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของเวียดนามและนิทานพื้นบ้านอันอุดมสมบูรณ์ บางคนเชื่อว่าพฤติกรรมบางอย่างจะนำมาซึ่งความโชคดี ในขณะที่คนอื่นๆ จะนำโชคร้ายหรือเชิญวิญญาณร้ายมาที่บ้าน ต่อไปนี้คือความเชื่อโชคลางของเวียดนามที่น่าสนใจเก้าประการที่ยังคงปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน
แขกคนแรกของปี บ่งบอกถึงความโชคดี
เตตหรือวันตรุษจีนของเวียดนามเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวชาวเวียดนามมีความเชื่อโชคลางอย่างยิ่ง ทุกคนต่างปรารถนาให้ตัวเองและ คนที่คุณรักโชคดีในปีที่จะมาถึง และปัจจัยหนึ่งที่กำหนดโชคลาภของครอบครัวคือแขกคนแรกของปี สมาชิกในครอบครัวที่ฉลาดหลักแหลมบางคนได้คิดแผนหลอกลวงเพื่อให้แน่ใจว่าผู้มาเยี่ยมบ้านคนแรกคือคนที่ 'พึงปรารถนา' สมาชิกในครอบครัวจะออกไปข้างนอกและกลับมาอีกครั้งหลังจากนาฬิกาตี 12 หรือพวกเขาจะจัดให้มีเพื่อนที่บังเอิญเป็นแขกคนแรกของครอบครัว
ปัดเป่าความโชคดี
ความเชื่อทางไสยศาสตร์ของเตตอีกประการหนึ่งคือการกวาดในวันตรุษจีนจะลบล้างความโชคดีของครอบครัวในปีนี้ ครอบครัวมักจะทำความสะอาดบ้านอย่างล้ำลึกก่อนเทศกาลเทตสองสามวันก่อน เพื่อไม่ให้ใครรู้สึกว่าจำเป็นต้องทำความสะอาดในวันสำคัญที่สุดของปีและพรากความโชคดีของครอบครัวไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
'เงินผี' ของบรรพบุรุษ
เงินผีเป็นคำที่ใช้อธิบายธนบัตรปลอมที่ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว เงินผีพิมพ์บนกระดาษไม้ไผ่และสามารถทำเป็นเงินเยนจีน ดองเวียดนาม บาทไทย หรือแม้แต่เหรียญสหรัฐ ก่อนที่จะเผาและอุทิศให้กับบรรพบุรุษของครอบครัว บางคนเชื่อว่าบรรพบุรุษสามารถฝากเงินนี้ในธนาคารชีวิตหลังความตายได้ ในขณะที่บางคนมองว่าเงินผีเป็นการจ่ายเงินสำหรับบรรพบุรุษที่เติมเต็มความปรารถนาของครอบครัวที่มีชีวิต
ข้อห้ามในการตั้งครรภ์
ในเวียดนามมีความเชื่อโชคลางมากมายเกี่ยวกับสตรีมีครรภ์ สตรีมีครรภ์ไม่ควรเข้าร่วมงานแต่งงานเพราะถือว่าเป็น 'โชคร้าย' สำหรับคู่แต่งงานใหม่ เธอไม่ควรไปงานศพเพราะลูกของเธอจะเป็น 'ลูกร้องไห้' เธอไม่ควรก้าวข้ามเปลญวนเพราะลูกของเธอจะ 'ขี้เกียจ'; และเธอควรหลีกเลี่ยงวัดและเจดีย์เพื่อไม่ให้วิญญาณที่อาศัยอยู่ที่นั่นโกรธ เมื่อทารกเกิด มารดาคนใหม่และสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ จะต้องต่อต้านการประคบประ หงมเด็ก เพราะวิญญาณอาจอิจฉาริษยาและขโมยเด็กจากครอบครัว เป็นผลให้คนเวียดนามจำนวนมากละเว้นจากการยกย่องเด็กแรกเกิดอย่างฟุ่มเฟือยด้วยคำชมหรือการแสดงความเคารพ
ด้วยไข่เป็ดที่ปฏิสนธิแล้ว คุณสามารถย้อนกลับความโชคร้ายได้
ในเวีย ดนาม ตัวอ่อนเป็ดที่ปฏิสนธิเรียกว่า ht vt ln และเป็นขนมขบเคี้ยวเบียร์ยอดนิยมที่สามารถบริโภคเพื่อย้อนกลับความโชคร้าย Ln แปลง่ายๆ ว่า 'ย้อนกลับ' ซึ่งเป็นที่มาของแนวคิดการกินไข่เพื่อเปลี่ยนดวงชะตาของคุณ อย่างไรก็ตาม ไข่ที่มีศักยภาพเหล่านี้ควรบริโภคเป็นเลขคี่เท่านั้น หากคุณกินสองลูก โชคร้ายของคุณจะกลับมาสองครั้ง หมายความว่าสถานการณ์ของคุณจะไม่เปลี่ยนแปลง และคุณจะเคี้ยวลูกเป็ดสองตัวโดยเปล่าประโยชน์
กระจก faux-pas
ครอบครัวชาวเวียดนามยังให้ความสำคัญกับฮวงจุ้ยหรือที่เรียกว่าฟองทูในภาษาเวียดนาม การปฏิบัติแบบโบราณนี้เกี่ยวข้องกับการวางสิ่งของ เฟอร์นิเจอร์ และแม้แต่บ้านทั้งหลังอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของพลังชี่หรือพลังงานเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่กลมกลืนกัน ไม่ควรวางกระจกไว้ที่ประตูอีกด้านของประตูในเวียดนาม เพราะเมื่อคุณเข้าไปในบ้าน คุณอาจตกใจกับภาพสะท้อนของตัวเอง และความหวาดระแวงอาจคืบคลานเข้ามาในมโนธรรมของคุณ ในทำนองเดียวกัน การวางกระจกไว้ที่ปลายเตียงเป็นความคิดที่ไม่ดี เพราะจะทำให้ฝันร้ายและสะท้อนพลังงานบนเตียงมากขึ้นเป็นสองเท่า ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติเกี่ยวกับชี่ ในทางกลับกัน กระจกมักถูกวางไว้ที่ประตูหน้าเพื่อไล่มังกรหรือวิญญาณชั่วร้ายออกไป เนื่องจากพวกมันจะกลัวการสะท้อนของตัวเองและจะออกจากบ้านตามลำพัง
ก่อนสอบ ห้ามตัดผม
ความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือการตัดผมที่ไม่ดีอาจทำให้ความจำเสื่อมได้ นี่เป็นปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักเรียน เพราะหากพวกเขาตัดผมก่อนการทดสอบหรือการสอบที่สำคัญ พวกเขาอาจลืมทุกสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ ด้วยเหตุนี้ อาจเป็นการดีที่สุดที่จะกำหนดเวลาตัดผมใหม่หลังจากการสอบครั้งสำคัญครั้งนั้น
ลูกค้ารายแรกของวันพยากรณ์ธุรกิจที่ดี
เจ้าของร้านชาวเวียดนามหลายคนเชื่อว่าลูกค้ารายแรกของวันจะเป็นตัวกำหนดกำไรของร้านในวันนั้น ถ้าลูกค้ารายแรกใช้เงินเยอะ วันนั้นจะมีโชค แต่ถ้าเขาไม่ซื้ออะไรวันนั้นก็จะโชคร้าย หากคุณต้องการซื้อของที่ระลึกในเวียดนาม ให้ลองซื้อในช่วงเช้าของวันแล้วค่อยไปหาซื้อดูทีหลัง เพราะการเข้าร้านแต่เช้าเพื่ออ่านสิ่งที่เลือกอาจเป็นลางร้ายสำหรับเจ้าของร้านที่เชื่อโชคลาง
หมวกกันน๊อคป้องกันสมองเด็กไม่ให้โต
จำนวนเด็กเล็กที่ขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่สวมหมวกนิรภัยเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดบนถนนในเมืองเวียดนามที่คับคั่ง ในปี 2550 รัฐบาลได้ออกคำสั่งให้สวมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้โดยสารบนถนนทุกสายของเวียดนาม แต่คุณแทบจะไม่ค่อยเห็นเด็กที่สวมหมวกกันน็อคเกาะพ่อแม่ขณะแล่นไปตามถนนที่พลุกพล่าน อาจเป็นเพราะความเชื่ออย่างกว้างขวางว่าการสวมหมวกนิรภัยจะทำให้พัฒนาการทางสมองของเด็กบกพร่องโดยป้องกันไม่ให้สมองเติบโต
ผู้ปกครองยังระบุด้วยว่าขนาดหมวกกันน็อคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของลูกเป็นสาเหตุหนึ่งที่พวกเขาไม่ใส่เลย แต่ไม่ว่าในกรณีใด นี่เป็นความเชื่อโชคลางอย่างหนึ่งที่ต้องพักโดยเร็วที่สุด
